stainless 304 คืออะไร
ชนิดของเหล็กกล้าสเตนเลส เหล็กกล้าสเตนเลสมีมากมายหลายสิบชนิด แต่ละชนิดหรือเกรดจะมีส่วนผสมทางเคมี โครงสร้างทางโลหะวิทยา และคุณสมบัติตลอดจนข้อจํากัดและประโยชน์ใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วเราสามารถแบ่งเหล็กกล้าสเตนเลสออกเป็น 6 กลุ่มใหญ่ ตามลักษณะโครงสร้างทางโลหะวิทยา คือ
1. Austenitic
2. Ferritic
3. Martensitic
4. Duplex,
5. Precipitation hardening
6. Super alloys
Austenitic Stainless Steel ที่มีการใช้งานในอุตสาหกรรมมีดังนี้
Type 304
เป็น เกรดที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยมี 18% chromium และ 8% nickel เป็นส่วนผสมโดยประมาณ มีคุณสมบัติ ดังนี้ ความต้านทาน่ต่อการกัดกร่อนดี สามารถขึ้นรูปเย็นและเชื่อมได้ดี
ตัวอย่างการใช้งาน chemical processing equipment, for food, dairy, and beverage industries, for heat exchangers, and for the milder chemicals เช่น เครื่องใช้ในบ้าน ภาชนะเครื่องครัว เครื่องหุงต้มความดัน แทงค์นํ้า อ่าง ช้อน ส้อม อุตสาหกรรมอาหาร และ งานขึ้นรูปลึก งานตกแต่ง
Type 304L
เป็นเกรด 304 ที่ผสมคาร์บอนตํ่า (<= 0.03%) โดยมีคุณสมบัติ เมื่อต้องการความต้านทานการกัดกร่อนตามขอบเกรนโดยเฉพาะโครงสร้างหนาที่ต้อง ผ่านการเชื่อม
ตัวอย่างการใช้งาน เช่น อุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการใช้งานเหล็กที่หนาโดยไม่ต้องทํา sensitization ทําหม้อไอนํ้า เครื่องถ่ายเทความร้อน แท็งค์
Type 316
มี 16 ถึง 18% chromium และ 11 ถึง 14 % nickel เป็นส่วนผสมโดยประมาณ และมีการเพิ่ม molybdenum เพื่อที่จะเพิ่มความต้านทานการผุกร่อนในบรรยากาศแบบ pit type attack ให้กับเหล็ก
ตัวอย่างการใช้งาน Type 316 เช่น chemical processing, the pulp and paper industry, for food and beverage processing and dispensing ในกรณีที่ยู่ภายใต้สภาวะสิ่งแวดล้อมกัดกร่อนอย่างรุนแรง ควรมีปริมาณ molybdenum อย่างน้อย 2%.
Type 317
Type 317 มีปริมาณ % molybdenum มากกว่า 316 เพื่อที่จะนำไปใช้งานใน highly corrosive environments จะต้องมีปริมาณ 3% “moly” เป็นอย่างน้อย
ตัวอย่างการใช้งาน Type 317 เช่น stacks which contain scrubbers.
Type 317 L
Type 317L จะจำกัดปริมาณ carbon ไว้ไม่ให้เกิน 0.030% . และ จะจำกัดปริมาณ silicon ไว้ไม่ให้เกิน 0.75%เพื่อ extra corrosion resistance.
Type 317 LM
Type 317LM ต้องมีส่วนผสม molybdenum 4.00% เป็นอย่างน้อย
Type 317 LMN
Type 317 LMN ต้องมีส่วนผสม molybdenum 4.00% min. และ nitrogen .15% เป็นอย่างน้อย โดยไนโตรเจนจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเหล็ก
Type 321/Type 347
Type 321/Type 347 ถูกพัฒนาเพื่อให้มีความต้านทานการกัดกร่อนที่อุณหภูมิใช้งานมากกว่า 800 degrees F.
Type 321 เพิ่ม titanium
Type 347 เพิ่ม titanium/columbium.
ตัวอย่างการใช้งาน เช่น อุตสาหกรรมการบิน
คุณสมบัติ ของสแตนเลส (Stainless Steel)
ตระกูลออสเทนนิติค (Austenitic)
ต้านทานการกัดกร่อนดีเยี่ยม
ใช้งานประกอบและขึ้นรูป ทีเกี่ยวข้องกับความสะอาดและสุขอนามัยได้ดีเลิศ
สะดวกในงานสร้าง ประกอบหรือขึ้นรูปทั่วไปได้ดีมาก
ความแข็งแรงสูงสุดและมความยืดตัวสูง
แม่เหล็กดูดไม่ติด
สามารถใช้งานเย็นจัดและร้อนจัดที่อุณหภูมิประมาณ 600 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่านี้
ตระกูลเฟอร์ริติค (Ferritic)
ต้านทานการกัดกร่อนปานกลางถึงดี
ต้านทานการกัดกร่อนแบบเป็นจุดและแบบมุมอับในซอกแคบๆ ได้ดีและมีความต้านทานการกัดกร่อนใต้แรงเค้นดีกว่าเกรดออสเทนนิติก
มีข้อจำกัดในการเชื่อมและ การขึ้นรูป เช่น ดัด ดึงขึ้นรูป มากกว่าเกรดออสเทนนิติค
มีความต้านทานการเกิดออกซิไดซ์ที่อุณหภูมิสูงถึง 850 องศาเซลเซียส
แม่เห็กดูดติด
ไม่สามารถชุบแข็งได้
ตระกูลมาร์เทนซิติค
ความต้านทานการกัดกร่อนปานกลาง
แม่เหล็กดูดติด
สามารถทำให้แข็งได้ด้วยกรรมวิธีทางความร้อน ดังนั้นจึงสามารถพัฒนาปรับปรุงให้มีความแข็งแรงสูงและปรับระดับควมแข็งแรงได้
มีข้อจำกัดในการเชื่อม เนื่องจากมีปริมาณคาร์บอนสูงและมีความแข็งโดยธรรมชาติในตัวเอง
ใช้งานในอุณหภูมิสูงได้ดีถึง 593 องศาเซลเซียส
ตระกูลดูเพล็กซ์ ( Duplex)
- การที่โครงสร้างผสมระหว่างเฟอร์ริติค และออสเทนนิติค ทำให้สามารถต้านทานการแตกร้าว จากการกัดกร่อนด้วยแรงเค้นสูงและการกัดกร่อนเป็นรู
ทนต่อสารคลอไรด์ทำให้ใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูงได้
ต้านทานการกัดกร่อนได้ดี เนื่องจากมีส่วนผสมของโครเมียมสูงและเพิ่มส่วนผสมของธาตุโมลิบดิบนัม ไนโตรเจน
ใช้ในงานเชื่อมและขึ้นรูปได้ดีเช่น งานปั๊มก้นลึก
เนื่องจากมีสมบัติเชิงกลดีเลิศในการใช้งานที่อุณหภูมิติดลบ ได้ถึง -225 องศาเซลเซียส หรือ ใช้งานที่อุณภูมิ (ถึง 1100 องศาเซลเซลเซียส)